ระดับสโมสร ของ จอร์ดอน ไอบ์

วีคอมบ์ วันเดอร์เรอร์ส

จอร์ดอนภายหลังจากเข้าร่วมระบบทีมเยาวชนของวีคอมบ์เขาก็ได้ประเดิมสนามในนามทีมชุดใหญ่ให้กับวีคอมบ์ในศึก ลีกคัพ นัดที่ทีมวีคอมบ์ชนะ โคลเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฐานะตัวสำรองช่วงต่อเวลาพิเศษเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2554 ขณะอายุได้เพียง 15 ปี 244 วัน

วันที่ 15 ตุลาคม 2554 ในลีกนัดที่ทีมชนะทีม ฮาร์ทลีพูล ยูไนเต็ด จอร์ดอนได้ลงเล่นเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 90 ถือได้ว่าจอร์ดอนเป็นนักเตะของวีคอมบ์ที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นในศึก ฟุตบอลลีก

ในวันที่ 29 ตุลาคม 2554 จอร์ดอนได้ลงเล่นในนัดที่ทีมแพ้ เชฟฟีลด์เวนส์เดย์ 2-1 โดยประตูเดียวในนัดนั้นเป็นผลงานการทำประตูของจอร์ดอนซึ่งถือได้ว่าจอร์ดอนเป็นนักเตะของวีคอมบ์ที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ในศึก ฟุตบอลลีก โดยจอร์ดอนลงเล่นทั้งสิ้น 11 นัดยิงได้ 1 ประตู

ลิเวอร์พูล

วันที่ 12 ธันวาคม 2554 มีรายงานข่าวว่าจอร์ดอนเตรียมจะเซ็นสัญญาเป็นนักเตะของ ลิเวอร์พูล ต่อมาในวันที่ 20 ธันวาคม จอร์ดอนก็ได้เซ็นสัญญากับลิเวอร์พูลเมื่ออายุได้ 16 ปีโดยไม่มีการเปิดเผยค่าตัว

โดยเขาได้เข้าร่วมทีมชุดอายุต่ำกว่า 18 ปีหรือชุด ยู-18 ของทีมหงส์แดงแต่เขากลับทำผลงานได้ดี

ฤดูกาล 2012-13

จอร์ดอน ไอบ์ ในปี 2013

ในวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2013 จอร์ดอนลงเล่นนัดแรกให้กับ ลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีก นัดปิดฤดูกาล 2012-13 โดยลงเล่นเป็นตัวจริงและเปิดบอลให้ ฟีลีปี โกชิญญู ทำประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ควีนส์พาร์กเรนเจอส์ 1-0

ฤดูกาล 2013-14

จอร์ดอนได้สวมเสื้อหมายเลข 33 แทน จอนโจ เชลวีย์ ที่ย้ายไปร่วมทีมสวอนซีซิตี ในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 2013 จอร์ดอนลงเล่นนัดแรกและเป็นตัวจริงในลีกคัพ รอบ 2 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ นอตส์เคาน์ตี ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 4-2[1] ต่อมา ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 จอร์ดอนลงเล่นในพรีเมียร์ลีกนัดแรกโดยลงสนามเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 76 ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ อาร์เซนอล 5-1[2] [3]

ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 จอร์ดอนได้ย้ายไปร่วมทีมเบอร์มิงแฮมซิตี ทีมจากฟุตบอลลีกแชมเปียนชิป ด้วยสัญญายืมตัวจนจบฤดูกาล จอร์ดอนลงเล่น 11 นัดทำประตูได้ 1 ประตูในนัดที่เจอกับ Millwall และช่วยให้ เบอร์มิงแฮมซิตี รอดจากการตกชั้นในนัดสุดท้ายของฤดูกาล

ฤดูกาล 2014-15

=== สโมสรฟุตบอลดาร์บีเคาน์ตี ===
จอร์ดอน ไอบ์ (ขวา) ลงซ้อมให้กับ ลิเวอร์พูล ในปี 2014

ในวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 2014 จอร์ดอนได้ย้ายไปร่วมทีมดาร์บีเคาน์ตี ทีมจากฟุตบอลลีกแชมเปียนชิป ด้วยสัญญายืมตัว โดย จอร์ดอนลงเล่น 24 นัดทำประตูได้ 5 ประตู ต่อมา ในวันที่ 15 มกราคม ค.ศ. 2015 จอร์ดอนได้ถูก ลิเวอร์พูล เรียกตัวกลับมา ต่อมา ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2015 จอร์ดอนลงเล่นในพรีเมียร์ลีกนัดแรกและเป็นตัวจริงในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ เอฟเวอร์ตัน คู่ปรับร่วมเมือง 0-0 และจอร์ดอนคว้าตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในนัดนี้[4] ต่อมา จอร์ดอนลงเล่นเป็นตัวจริงในพรีเมียร์ลีกนัดที่สองและมีส่วนร่วมกับประตูที่สามในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 3-2 ต่อมา ในยูฟ่ายูโรปาลีก จอร์ดอนช่วยให้ ลิเวอร์พูล ได้ลูกจุดโทษก่อนที่ มารีโอ บาโลเตลลี จะยิงจุดโทษเป็นประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล เปิดสนามสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เบซิกตัส จาก ตุรกี 1-0 ต่อมา ในวันที่ 13 เมษายน ค.ศ. 2015 จอร์ดอนได้กลับมาลงสนามอีกครั้งหลังจากพักยาว 1 เดือนจากอาการบาดเจ็บ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามสนามแอนฟีลด์เอาชนะ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 2-0

ในวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2015 จอร์ดอนได้ตัดสินใจต่อสัญญาระยะยาวกับสโมสรลิเวอร์พูล[5]

ฤดูกาล 2015-16

ในวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 2015 จอร์ดอนลงเล่นเป็นตัวจริงในพรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2015–16 นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ สโตกซิตี ที่บริแทนเนียสเตเดียม 1-0 ต่อมา ในวันที่ 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015 ยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2015–16 รอบแบ่งกลุ่ม จอร์ดอนทำประตูแรกในสีเสื้อของลิเวอร์พูล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ รูบิน คาซาน จากรัสเซีย 1-0[6] [7] ต่อมา ในวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 2015 ฟุตบอลลีกคัพ รอบห้า จอร์ดอนทำประตูที่ 2 ในฤดูกาล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เซาแธมป์ตัน ที่เซนต์แมรีส์สเตเดียม 6-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ลีกคัพ ได้สำเร็จ[8]

ในวันที่ 5 มกราคม ค.ศ. 2016 ฟุตบอลลีกคัพ รอบรองชนะเลิศ นัดแรก จอร์ดอนลงสนามเป็นตัวสำรองแทน ฟีลีปี โกชิญญู และทำประตูชัย ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ สโตกซิตี ที่บริแทนเนียสเตเดียม 1-0[9] ต่อมา ในวันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 2016 พรีเมียร์ลีก นัดปิดฤดูกาล จอร์ดอนทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ เวสต์บรอมมิชอัลเบียน ที่เดอะฮอว์ทอนส์ 1-1[10]

ฤดูกาล 2016-17

ในวันที่ 15 กรกฎาคม ค.ศ. 2016 ย้ายร่วมทีมเอเอฟซี บอร์นมัธ ด้วยค่าตัวประมาณ 15 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรบอร์นมัธ

แหล่งที่มา

WikiPedia: จอร์ดอน ไอบ์ http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/g... http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/i... http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/l... http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/r... http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/r... http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/r... http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/r... http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/r... http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/s... http://thailand.liverpoolfc.com/news/this-is-lfc-t...